วันเสาร์ที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

หนีร้อนไปตุรกี กับ Malaysia Airline ในเดือนเมษายน


สวัสดีค่ะทุกคน หลังจากที่พิมไม่ได้เขียนบล็อกมาสักระยะนึงแต่ก็ได้เข้ามาตอบคำถามอยู่เรื่อยๆนะค่ะ ก่อนที่เราจะเริ่มต้นเล่าเรื่องประสบการณ์การเดินทางไปตุรกี แบบต่อเครื่อง โดยสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์กัน จะมารวบรวมคำถามยอดฮิตที่พิมตอบอยู่บ่อยๆกันก่อนนะคะ
1.การเดินทางไปตุรกีต้องใช้วีซ่าหรือไม่
   - คำตอบคือถ้าคุณเดินทางไปท่องเที่ยวโดยพำนักในตุรกีครั้งละไม่เกิน 30 วัน ไม่จำเป็นต้องขอวีซ่านะค่ะ เอกสารอ้างอิงดังนี้ค่ะ ประกาศจากสถานฑูตตุรกี

Embassy Announcement
Thai Visa Exemption , 07.08.2012
6 August 2012
PRESS RELEASE
REGARDING THE VISA EXEMPTION
GRANTED TO THAI CITIZENS
According to the decision taken by the Council of Ministers of the Republic of Turkey and published in the Official Gazette number 28333, citizens of Thailand holding ordinary passports are granted visa exemption on their touristic visits to Turkey for a period of not exceeding 30 days on each of their visits for a cumulative of 90 days within 180 days period from the date of first entry.
Turkey and Thailand already has an agreement on the exemption of visa requirements for the holders of diplomatic or official or service/special passports for a period of not exceeding 90 days.

เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะมีใครสนิทแค่ไหนมาบอกว่า ไปตุรกีไม่ได้นะเพราะต้องขอวีซ่าก่อน ให้ยื่นประกาศตัวนี้ให้เค้าดูได้เลยว่าเด๋วนี้ไทยเราเข้าตุรกีโดยปราศจากการขอวีซ่าแล้ว ยกเว้นกรณีที่ต้องการอยู่เกินกว่าที่เค้ากำหนดในประกาศนี้ สำหรับคนที่แฟนชาวตุรกีไม่ค่อยแข็งแรงเรื่องภาษาอังกฤษ ทางสถานฑูตได้จัดทำประกาศเป็นภาษาตุรกีไว้ด้วยนะค่ะ เข้าไปตามลิงค์ที่พิมแปะไว้ได้เลย เหตุที่พิมต้องมาพูดกันเรื่องขอวีซ่าอีกครั้งเนื่องจากหลายคนต้องเลิกตั๋วเครื่องบินของตนเอง ล้มเลิกแผนการเดินทางเนื่องจากได้รับการบอกกล่าวมาว่า "ไม่ได้นะต้องมีวีซ่า" จากประโยชน์เหล่านั้นทำให้หลายคนผิดหวัง ดังนั้นเราจึงมั่นควรอัพเดทข่าวสารอยู่เสมอๆนะค่ะ ด้วยความหวังดีค่ะ ^^

2.แฟนจะทำหนังสือเชิญให้ไปเที่ยวตุรกีต้องทำอย่างไร
 - คำตอบต่อเนื่องมาจากด้านบนนะค่ะ ในเมื่อไม่ต้องขอวีซ่า จดหมายเชิญจึงไม่จำเป็นค่ะ

3.รู้จักกับแฟนชาวตุรกีเคยเห็นกันแต่ในเว็บแคม skype หรือออนไลน์ต่างๆแต่ต้องการไปพบแฟนที่ตุรกีจะไปดีหรือไม่
 - คำตอบนี้เป็นคำตอบที่แสนจะลำบากใจ จึงได้พูดคุยกับแฟนว่าคุณคิดอย่างไร แฟนพิมตอบว่าในฐานะของผู้ชายว่า "ไม่ควรจะเป็นฝ่ายมาหาก่อนให้อดทนรอจนกว่าเค้าจะเป็นฝ่ายแสดงความจริงใจในการบินมาหาคุณก่อน เพื่อความมั่นในของคุณเอง ของครอบครัว " จากคำตอบของแฟนพิมบวกกับประสบการณ์ที่ได้พบได้อ่านเรื่องราวของผู้หญิงหลายคนที่พลาดพลั้งเดินทางไปหาแล้วพบเจอกับเหตุการณ์เลวร้าย ซึ่งพิมอยากให้ตระหนักให้ดีก่อนจะตัดสินใจเดินทางไป แต่สุดท้ายก็ให้เป็นวิจารณญาณของทุกคนค่ะ ^^

เอาล่ะตอบคำถามยอดฮิตไปแล้ว เรามาเริ่มท่องเที่ยวกันดีกว่า การไปตุรกีของพิมรอบนี้พิมตัดสินใจเลือกซื้อตั๋วของ Malaysia Airline เพราะราคาถูกกว่าสายการบินอื่น บวกกับเป็นเอเซียเหมือนกันไม่น่าจะมีปัญหาในการทำความเข้าใจในเรื่องภาษามากนัก เพราะภาษาอังกฤษในโลกนี้ ร้อยสำเนียงค่ะ พิมออกเดินทางในวันที่ 8 เมษายน 2556 โดยเดินทางไปกับเด็กๆ รวมเป็น 3 ชีวิตสำหรับทริปนี้ สำหรับตั๋วเครื่องบินถ้าเป็นเด็กอายุไม่ถึง 12 ปี ก็ราคาจะถูกลงค่ะ
เอาล่ะ ได้ E-ticket มาเช็คอินที่เคาน์เตอร์เมื่อเราทำการเช็คอินเรียบร้อยแล้ว ทางเจ้าหน้าที่ของสายการบิน ก็จะมอบคืน เอกสารให้เราดังนี้ พาสปอร์ต - บอร์ดดิ้งพาส (หรือบัตรผ่านขึ้นเครื่อง) - ตั๋วเครื่องบินส่วนที่เหลือ - แท็กนัมเบอร์ของสัมภาระ และกระเป๋าเดินทาง หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ก็จะแจ้งเกทที่เราจะต้องไปรอขึ้นเครื่อง อ้อในขั้นตอนนี้โปรดตรวจสอบชื่อสกุลของคุณให้ตรงกับพาสปอร์ตด้วยนะค่ะ  หลังจากนั้นเราก็จะไปให้เจ้าหน้าที่เค้า X-Ray กันซะหน่อย ว่าแอบพกพาอะไรผิดๆไปมั้ย อิอิ ส่วนใหญ่ที่สัญญาณจะดังคือนาฬิกา เข็มขัด อะไรพวกนี้และ ต่อไป เราก็จะต้องผ่านขั้นตอนการตรวจพาสปอร์ต โดยช่องสำหรับคนไทยก็จะสั้นนิดเดียว ขั้นตอนไม่วุ่นวายประกอบกับเป็นแบบอัตโนมัติด้วย แต่คนที่ไม่ผ่านเครื่องอัตโนมัติไม่ต้องตกใจนะคะ เจ้าหน้าที่จะนำเราไปตรวจพาสปอร์ตกับเจ้าหน้าที่โดยตรงค่ะ ปล.สำหรับการเดินทางโดยการต่อเครื่องนั้น เจ้าหน้าที่จะแจ้งเราว่ากระเป๋าของเรานั้นจะถูกนำไปยังประเทศปลายทางเลย ไม่ต้องเปนห่วงนะค่ะ ^^ 
เอาล่ะมาขึ้นเครื่องกันแล้วมาชมบรรยากาศกันดีกว่าทั้งภายในเครื่องและบริเวณสนามบินกันดีกว่า









ภายในเครื่องบินก็ MH783 เป็นเครื่องบินลำเล็กสำหรับบินระยะใกล้ ที่นั่งจะเป็นแถวละสาม มีทั้งหมดสามแถว ทริบนี้เราเลือกที่จะนั่งริมหน้าต่างกัน ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมงกว่าๆ ประเทศมาเลเซียเวลาจะเร็วกว่าประเทศไทย 1 ชั่วโมง ดังนั้น พิมออกเดินทางตอน 17.15 น. ในตั๋วระบุว่าเครื่องจะถึงมาเลเซียตอนประมาณ หนึ่งทุ่มกว่า นั่นหมายความว่า เป็นหนึ่งทุ่มของมาเลเซียนะค่ะ ไม่ใช่เวลาประเทศไทย เท่ากับว่าเวลาประเทศไทยพิมจะถึงตอน หกโมงเย็น ค่ะ ไม่งงกันเนอะ ^^ ระหว่างการเดินทางแอร์และสจ๊วตก็จะบริการในเรื่องของอาหารให้กับเราเนื่องจากขาไปเป็นอาหารจากครัวการบินไทยอาหารจึงอร่อยถูกปากมากค่ะในเครื่องที่ USB สำหรับไว้ชาร์ตแบตด้วยแหละ มีทีวี(สำหรับเครื่องบิน)ไว้ให้ดูหนังดูการ์ตูนแก้เบื่อ บริการของสายการบินแอร์เนี่ย แอร์และสจ๊วตน่ารักค่ะ ผู้หญิงจะแต่งตัวด้วยชุดคล้ายชุดประจำชาติ หน้าตายิ้มแย้ม และจะให้ความสำคัญกับเด็กๆเป็นพิเศษเนื่องจากอาหารและเครื่องดื่มจะถูกบริการให้กับเด็กๆก่อนไม่ว่จะนั่งตรงไหนก็ตาม เสร็จแล้วจึงจะบริการผู้ใหญ่ และเครื่องดื่มอาหารขนมเล็กๆน้อยๆสามารถขอได้เรื่อยๆไม่มีหน้างอเลย น่ารักและประทับใจมากๆ บริการนี้รวมถึงทั้งขาไปขากลับเลยนะค่ะ มาตรฐานการบริการดีกว่า TK มากค่ะ ที่หน้างอเหลือเกินอาจเพราะเค้าไม่ได้มีความเป็นเอเซียเหมือนเราก็ได้มั้งค่ะ เอาล่ะ ถึงมาเลเซียกันแล้ว เมื่อถึงเราก้จะต้องมาดูว่าเครื่องที่เราจะต่อเนี่ยต้องไปขึ้นที่ประตูไหน การเดินทางไปประตูเพื่อขึ้นเครื่องเราจะต้องไปโดยรถไฟฟ้าขบวนสั้นๆ
รถไฟขบวนนี้จะไม่หยุดทีไหนเลยจะไปหยุดทีเดียวตรงอาคารที่เราจะต้องไปรอเครื่องค่ะ ตรงหน้ารถไฟจะมีบอกว่าอาคารที่เราจะเดินทางไปด้วยค่ะ ไม่ต้องกลัวหลงนะค่ะ เพราะเปนรถไฟภายในอาคาร ^^ เมื่อมาถึงอาคารผู้โดยสารพิมจะต้องนั่งรอประมาณ 2 ชั่วโมงค่ะ เพื่อรอต่อเครื่องระหว่างนี้เค้าจะมีร้านค้า Duty fee รวมถึง Internet ฟรีให้เล่นด้วยนะค่ะ Wifi ก็ฟรีค่ะ แต่การเล่นไวฟายอาจจะงงหน่อยวิธีนะค่ะ ก็จับไวฟายได้ปุ๊บในลองเล่นเซิฟเวอร์อะไรก็ได้ google ก็ได้ค่ะ แล้วจะมีหน้าจอขึ้นมาว่า Start อะไรสักอย่างนี่แระก็ให้กด ก็เริ่มเล่นเน็ตได้เลยค่ะ แต่สำหรับสาวๆที่ค่อนข้างถือเรื่องห้องน้ำเหมือนพิมอาจไม่ค่อยชอบห้องน้ำที่นี่สักเท่าไหร่ 555+ ไม่โอเคนะแต่ก็ไม่ได้น่าเกลียดอะไรมาก มาดูบรรยากาศกันดีกว่าค่ะ 






2 ชั่วโมงผ่านไปไวเหมือนโกหกเราก็จะขึ้นเครื่องเพื่อไปตุรกีกันแล้วค่ะ มาดูบรรยากาศบนเครื่องกันดีกว่าค่ะ ว่าเปนยังไงนะ เพราะเราจะต้องอยู่บนเครื่องถึง 10 ชั่วโมงแน่ะ 





เอาล่ะ ขึ้นเครื่องมาแระ มาเตรียมตัวรับประทานอาหารจากทางสายการบินกันดีกว่าแล้วจะได้นอนกันยังไงรออ่านตอนที่ 2 กันด้วยนะค่ะ



10 ความคิดเห็น:

  1. ถ้าไปตุรกีเกินสามสิบวันต้องขอวีซ่าท่องเที่ยว แล้วจะระบุวันที่ ไป กลับในแบบฟอร์มขอวีซ่าได้สูงสุดกี่วันคะ

    ตอบลบ
  2. 30 วัน ไม่เกิน 90 วัน ค่ะ

    ตอบลบ
  3. หมายความว่าถ้าไป40วัน เราก็ต้องระบุวันเริ่มเดินทาง สมมุติไป 29 มีนาคม 2014 กลับ 7 พ.ค. 2014 ,, ก็ให้กรอกลงในฟอร์มขอวีซ่าได้เลย ใช่มั๊ยคะ เป็นเวลา 40 วัน ขอบคุณมากค่ะ

    ตอบลบ
  4. อันนี้พิมไม่มั่นใจนะค่ะ ในเรื่องการกรอกแบบฟอร์ม สอบถามโดยตรงที่สถานฑูตได้เลยค่ะ มีเจ้าหน้าที่คนไทยด้วยค่ะ :) แต่โดยส่วนตัวคิดว่าน่าจะเป็นแบบนั้นค่ะ

    ตอบลบ
  5. -ขอบคุณมากค่ะ น้องพิมสวยด้วยใจดีด้วย

    ตอบลบ
  6. ขอบคุณสำหรับคำชมค่ะ ^__^ และก็ยินดีมากๆๆค่ะ ที่มีประโยชน์ต่อคนอื่นบ้างไม่มากก็น้อย

    ตอบลบ
  7. น้องพิมพอทราบข้อมูลเกี่ยวกับ resident permit for foreingners มั๊ยคะ พอดีพี่ขอวีซ่าท่องเที่ยวผ่าน เพื่อจะไปแต่งงานเพราะต้องอยู่่เกินสามสิบวัน ทางสถานฑูตบอกให้ไปภายในสามสิบวันไม่ต้องขอวีซ่า แล้วให้พี่ขอทำเอกสารเพื่ออยู่ต่อ แต่พี่ไม่รู้ว่าขั้นตอนการทำเรื่องจะทันภายในระยะเวลาสามสิบวันหรือเปล่า พี่ล่ะกลุ้มใจอยู่ ,,, และกับวีซ่าแต่งงานที่ตุรกีน้องพิมพอทราบมั๊ยคะว่า ระยะเวลาในการทำเรื่องประมาณกี่วันได้ พี่ก็กลัวไม่ทันสามสิบวันในการพักอยู่ ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ

    ตอบลบ
  8. แก้ไขค่ะ พี่ขอวีซ่าท่องเที่ยวไม่ผ่าน

    ตอบลบ
  9. สวัสดีค่ะ ขอโทษที่ตอบช้านะค่ะ โดยส่วนตัวพิมไม่ได้จดทะเบียน จึงยังไม่มีประสบการณ์โดยตรง แต่พิมไปนำข้อมูลมาจากพี่สาวคนนึง ที่อยู่ตุรกี ขออนุญาตให้เครดิตของพี่เค้านะค่ะ ( พี่นา ) รายละเอียดดังนี้ค่ะ
    ขั้นตอนต่อไปหลังจากจดทะเบียนสมรสเรียบร้อยแล้ว ก็คือเรื่องของวีซ๋า ถึงจะทำการจดทะเบียนสมรสกับคนตุรกีแล้วแต่เราก็ยังไม่ใช่คนตุรกี ดังนั้นการที่จะอยู่ประเทศตุรกีได้นั้นจึงต้องต่อวีซ่า แต่วีซ๋าของเราจะเปลี่ยนไป คือเดิมถ้ามาด้วยวีซ๋าท่องเที่ยว หลังจากแต่งงานแล้ว เราจะได้ "วีซ่าแต่งงาน" ซึ่งขั้นตอนต่างๆ ก้ไม่ได้ยากอะไร เอกสารที่จะต้องเตรียมคือ


    เอกสารฝ่ายหญิง
    1. หนังสือสมรส
    2. พาสปอร์ต
    3. รูปถ่าย
    เอกสารฝ่ายชาย
    1. บัตรประจำตัวประชาชน
    2. รูปถ่าย
    3. เอกสาร A (แสดงประวัติของฝ่ายชาย อันนี้เรียกไม่ถูกแต่ฝ่ายชายจะรู้มันเหมือนกับทะเบียนบ้านของไทย) สามารถขอได้ที่เขตที่พักอาศัยเป็นเอกสารแผ่นเดียว


    หลังจากเตรียมเอกสารเรียบร้อยแล้วก็ไปยื่นเรื่องขอวีซ๋าได้ที่สถรนีตำรวจในเมืองที่อาศัยอยู่ ไปที่แผนกวีซ่าและคนต่างด้าว ไปยื่นเรื่องโดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะให้เอกสารมากรอก 1 ใบ เป็นเอกสารคำร้องขอวีซ๋า ค่าใช้จ่ายในการขอวีซ่านี้โดยประมาณการ ค่าออกหนังสือ Residences permit for foreigners 100 TL ค่าวีซ๋าแต่ละเดือนประมาณเดือนละ 50 TL ทั้งนี้ครั้งแรกที่ต่อสามารถต่อได้ไม่เกิน 1 ปี เมื่อครบกำหนด 1 ปี สามารถต่ออีก 2 ปีที่เหลือได้ หลังจากนั้นไม่เกิน 1 อาทิตย์ ก็จะได้รับหนังสือ Residences permit for foreigners

    ตอบลบ
  10. http://182.53.187.183.redir-th.www.bloggang.byteark.net/mainblog.php?id=muna-turkthai&month=23-06-2009&group=8&gblog=3 ( ที่มาของข้อมูลค่ะ )

    ตอบลบ